คำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวสำหรับ ชาวไร่อ้อยคู่สัญญา (Privacy Notice)
คำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (“ประกาศ”) นี้จัดทำขึ้นเพื่อดำเนินการกิจกรรมเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติของชาวไร่อ้อยคู่สัญญา ให้หมายความรวมถึง ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจ ซึ่งต่อไปในประกาศนี้เรียกรวมกันว่า (“ท่าน”) เพื่อให้ท่านซึ่งเป็นผู้ใช้งานในกิจกรรมและโครงการตามสัญญาซื้อขายอ้อย ซึ่งต่อไปในประกาศนี้ เรียกว่า (“กิจกรรมการประมวลผล”) ได้ทราบและเข้าใจรูปแบบการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย (“ประมวลผล”) ข้อมูลส่วนบุคคล เพื่ออธิบายถึงวิธีการปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคล และข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวที่ บริษัท น้ำตาลนครเพชร จำกัด ซึ่งต่อไปในประกาศนี้เรียกว่า (“นครเพชร”) หรือ (“บริษัท”) ได้ดำเนินการในฐานะ ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล บริษัททำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และมีความรับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและมุ่งมั่นที่จะจัดการข้อมูลดังกล่าว ด้วยวิธีการที่มั่นคงปลอดภัยและน่าเชื่อถือ เพื่อการดำเนินการภายใต้กิจกรรมการประมวลผลนี้ บริษัทในฐานะคู่สัญญาซื้อขายอ้อย และผู้ให้บริการเกี่ยวกับการส่งเสริมกิจกรรมด้านอ้อย
ประกาศความเป็นส่วนตัวในการดำเนินการในกิจกรรมดังที่ได้ทำคำประกาศ ฉบับนี้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย ซึ่งข้อมูลที่สามารถระบุตัวท่านได้ (“ข้อมูลส่วนบุคคล”) รวมทั้งสิทธิต่าง ๆ ของท่าน ดังนี้
1. ฐานกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้ฐาน ดังต่อไปนี้
1. มีความจำเป็นเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย
ได้แก่ กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
2. มีความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
ของบริษัท และของบุคคลอื่น โดยประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล เช่น การจัดกิจกรรมให้ความรู้ด้านอ้อย การลงทะเบียนเข้าร่วมประชุม การส่งหนังสือ การส่งข่าวสาร หรือข้อเสนอใด ๆ เพื่อประโยชน์ของชาวไร่ การบันทึกภาพ เสียง และหรือ วีดีทัศน์ระหว่างการประชุม เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลอื่น และหรือใช้ข้อมูลเพื่อการบริหารความสัมพันธ์ หรือติดต่อประสานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบริษัท
3. เพื่อปฏิบัติตามสัญญา
เช่น สัญญาซื้อขายอ้อย สัญญากู้ยืมเงิน สัญญาค้ำประกัน สัญญาจำนอง และสัญญาเช่า เป็นต้น
4. เพื่อประโยชน์สาธารณะ
เช่น ทำหนังสือที่เกี่ยวข้องกับการเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว การขนส่งอ้อย ให้กับหน่วยงานราชการ หรือหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
5. เพื่อเอกสารประวัติศาสตร์/วิจัย/สถิติ
เช่น การส่งข้อมูลด้านอ้อยให้กับหน่วยงานราชการ หรือสถาบันการศึกษา เป็นต้น
2. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
1. เพื่อตรวจสอบรายละเอียดข้อมูลยืนยันตัวตนของชาวไร่อ้อย
2. เพื่อเป็นฐานข้อมูลในระบบการขึ้นทะเบียนเกษตรกร (ชาวไร่อ้อย)
3. เพื่อตรวจสอบสิทธิการลงทะเบียนเข้าร่วมสิทธิตามที่หน่วยงานราชการประกาศกำหนด
4. เพื่อประมวลผลสรุปจำนวนอ้อยเข้าหีบในแต่ละฤดูกาลผลิต
5. เพื่อใช้ในการรายงานและการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการปลูกอ้อย
6. เพื่อเปิดเผยข้อมูลให้กับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง รวมถึงหน่วยงานอื่นตามที่กฎหมายกำหนด และสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องกับบริษัท
3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม และใช้
1. ข้อมูลที่ใช้ระบุตัวตน (Identity Data) เช่น ชื่อ ชื่อสกุล เลขประจำตัวประชาชน วัน เดือน ปีเกิด เพศ อายุ ลายมือชื่อ ข้อมูลการเปลี่ยนชื่อ ชื่อสกุล ภาพถ่าย เป็นต้น เก็บข้อมูลโดยตรงผ่านการกรอกแบบฟอร์มเอกสาร และจัดเก็บตามช่องทางอีเล็กทรอนิกส์
2. ข้อมูลติดต่อ (Contact Data) เช่น ที่อยู่ เบอร์โทร ที่อยู่อีเมล เป็นต้น เก็บข้อมูลโดยตรงผ่านการกรอกแบบฟอร์มเอกสาร และจัดเก็บตามช่องทางอีเล็กทรอนิกส์
3. ข้อมูล หมายเลขบัญชีธนาคารกรณี ค่าอ้อย เงินส่งเสริมและเงินบำรุงไร่ เป็นต้น เก็บข้อมูลโดยตรงผ่านการกรอกแบบฟอร์มเอกสาร และจัดเก็บตามช่องทางอีเล็กทรอนิกส์
4. ข้อมูลการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้นโดยบริษัท และ/หรือข้อมูลการติดต่อกับบริษัท (Communication Data) เช่น บันทึกภาพนิ่ง หรือภาพเคลื่อนไหวหรือทั้งภาพ และ/หรือเสียงเมื่อท่านได้ติดต่อเข้าร่วมการประชุมหรือเข้าร่วมกิจกรรมอื่นใดกับบริษัท จัดเก็บโดยช่องทางอีเล็กทรอนิกส์
5. ข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น บัญชีผู้ใช้แอปพลิเคชัน ไลน์ไอดี เป็นต้น
6. ข้อมูลที่เกี่ยวกับการแสดงความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ คำแนะนำต่าง ๆ ตลอดเวลาที่ท่านเข้าร่วมกิจกรรม
7. ข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ เช่น อาชีพ วุฒิการศึกษา ประสบการณ์ เป็นต้น
ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว
1. บริษัทไม่มีความประสงค์จะจัดเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งจัดเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวของท่าน เช่น เชื้อชาติ ข้อมูลหมู่โลหิต หรือข้อมูลศาสนา ถึงแม้ว่าข้อมูลดังกล่าวจะปรากฏอยู่บนบัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน หรือเอกสารอื่นใดที่ท่านได้สมัครใจเปิดเผยไว้ต่อบริษัทก็ตาม ทั้งนี้ หากท่านได้ทำการส่งมอบข้อมูลใด ๆ ซึ่งปรากฏข้อมูลที่มีลักษณะเช่นว่านี้ให้แก่บริษัทไม่ว่าจะเป็นการส่งมอบข้อมูลในลักษณะเป็นเอกสาร หรือสื่ออื่นใด ท่านจะต้องปกปิดข้อมูลอ่อนไหวเหล่านี้ ด้วยตัวท่านเอง หากท่านมิได้ปกปิดข้อมูลด้วยตัวท่านเอง บริษัทถือว่าท่านได้อนุญาตโดยชัดแจ้งให้บริษัททำการปกปิดข้อมูลเหล่านี้ให้แก่ท่าน และให้ถือว่าข้อมูลที่ท่านส่งมอบมานี้ซึ่งบริษัทได้จัดการปกปิดข้อมูลอ่อนไหวให้แก่ท่านแล้วเป็นเอกสารที่สมบูรณ์ ใช้บังคับได้ตามกฎหมายทุกประการ และให้บริษัทสามารถนำไปประมวลผลได้ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ทั้งนี้ หากเป็นกรณีที่บริษัทไม่สามารถจัดการปกปิดข้อมูลอ่อนไหวแก่ท่านได้ เนื่องด้วยปัญหาเชิงเทคนิค หรือปัญหาอื่นใด บริษัทจะทำการจัดเก็บข้อมูลอ่อนไหวนี้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเอกสารยืนยันตัวตนของท่านเท่านั้น
2. กิจกรรมที่ท่านได้เข้าร่วมแล้วหรือจะได้เข้าร่วมในอนาคต ซึ่งอาจมีการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวเพิ่มเติม เช่น ข้อมูลสุขภาพของท่าน ทั้งนี้ การจัดเก็บข้อมูลดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ เพื่อการให้บริการและอำนวยความสะดวกอย่างดีที่สุดแก่ท่านเท่านั้น และในการจัดเก็บข้อมูลอ่อนไหวนี้ บริษัทจะได้ทำการขอความยินยอมของท่านไว้โดยชัดแจ้ง โดยทำเป็นเอกสารขอความยินยอมก่อนการจัดเก็บข้อมูลอ่อนไหวเหล่านั้นเสมอ
4. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์ที่ท่านให้ไว้กับบริษัทเท่านั้น ทั้งนี้ บริษัทจะกำหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลมีมาตรการปกป้องข้อมูลของท่านอย่างเหมาะสม และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจโดยมิชอบ ซึ่งบริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อบุคคล หรือองค์กร ดังต่อไปนี้
1. หน่วยงานราชการ หน่วยงานในกำกับดูแล หรือหน่วยงานอื่นตามที่กฎหมายกำหนด เช่น สำนักงานอ้อยและน้ำตาลทราย สมาคมชาวไร่อ้อย กองทุนอ้อยและน้ำตาล องค์การบริหารส่วนตำบล เทศบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด สำนักงานเกษตรอำเภอ สำนักงานเกษตรจังหวัด การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย สถาบันการศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
2. ผู้ให้บริการและผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทมอบหมายหรือว่าจ้างให้ทำหน้าที่บริหารจัดการหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัท ในการให้บริการต่าง ๆ รวมถึง ผู้ที่ทำหน้าที่ในนามบริษัท หรือร่วมกับบริษัท เช่น การให้บริการด้านส่งเสริมเพื่อเพิ่มผลผลิต และจัดกิจกรรมต่างๆ หรือบริการอื่นใดที่อาจเป็นประโยชน์ต่อท่าน ซึ่งมีความจำเป็นอย่างสมเหตุสมผลที่ต้องได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อทำให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ระบุในเอกสารฉบับนี้
3. สถาบันการเงินในรูปแบบของการให้บริการสินเชื่อโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการปลูกอ้อยข้ามแล้ง โครงการเงิน
บำรุงไร่ โครงการรื้อตอปลูกอ้อยใหม่ เป็นต้น
5. ระยะเวลาในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตราบเท่าที่จำเป็นตามสมควร เพื่อปฏิบัติตามหน้าที่ของบริษัทเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในเอกสารนี้ เว้นแต่ กฎหมายจะอนุญาตให้มีระยะเวลาการเก็บรักษาที่นานขึ้น ซึ่งบริษัทจะดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษา หรือที่ไม่เกี่ยวข้อง หรือเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น หากมีการดำเนินการทางศาล ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจถูกจัดเก็บไว้จนกว่าจะสิ้นสุดการดำเนินการดังกล่าว รวมถึงระยะเวลาใดๆ ในการดำเนินการที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ จากนั้นข้อมูลของท่านจะถูกลบหรือเก็บตามที่กฎหมายอนุญาต
6. สิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทเคารพสิทธิส่วนบุคคลของท่าน และเปิดโอกาสให้ท่านสามารถเลือกวิธีการควบคุม หรือวิธีการที่บริษัทใช้ติดต่อท่าน โดยบริษัทจะปฏิบัติตามที่ท่านได้ร้องขอ เพื่อช่วยให้เกิดความโปร่งใส และเพื่อคุณภาพของข้อมูล และความถูกต้องของข้อมูล ท่านมีสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโดยท่านสามารถส่งคำขอให้บริษัททราบเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านช่องทางที่บริษัทกำหนดในการดำเนินการตามสิทธิ ดังต่อไปนี้
1. สิทธิขอถอนความยินยอม: หากท่านได้ให้ความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ท่านให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น) ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัท ทั้งนี้ บริษัทขอแจ้งให้ท่านทราบว่า การเพิกถอนความยินยอมไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้แล้วโดยชอบ เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมาย หรือโดยสภาพ ไม่สามารถถอนความยินยอมได้ หรือมีสัญญาระหว่างท่านกับบริษัทที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่ หรืออาจส่งผลให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์บางส่วนหรือทั้งหมดตามที่ระบุไว้ในเอกสารฉบับนี้ได้
2. สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท และขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยว่าบริษัทได้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาได้อย่างไร เว้นแต่กรณีที่บริษัทมีสิทธิปฏิเสธคำขอของท่านตามกฎหมาย หรือคำสั่งของศาล หรือกรณีที่คำขอของท่านจะมีผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
3. สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนจากผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลได้ ในกรณีที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลได้ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิ ดังต่อไปนี้
– ขอให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ
– ขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่โดยสภาพทางเทคนิคไม่สามารถทำได้
ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านข้างต้นต้องเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัท หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจำเป็นต้องประมวลผล เพื่อให้ท่านสามารถใช้บริการของบริษัทได้ตามความประสงค์ซึ่งท่านเป็นคู่สัญญาอยู่กับบริษัท หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนใช้บริการ หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอื่นตามที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายกำหนด
4. สิทธิขอคัดค้าน: ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในเวลาใดก็ได้ หากประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านทำขึ้นเพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นโดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล หากท่านยื่นคัดค้าน บริษัทจะยังคงดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปเฉพาะที่บริษัทสามารถแสดงเหตุผลตามกฎหมายได้ว่ามีความสำคัญยิ่งกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของท่าน หรือเป็นไปเพื่อการยืนยันสิทธิตามกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมาย หรือการต่อสู้ในการฟ้องร้องตามกฎหมาย ตามแต่ละกรณี
5. สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกประมวลผลโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเห็นว่าบริษัทหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในประกาศฉบับนี้ หรือเมื่อบริษัทเห็นว่าสามารถปฏิบัติตามที่ท่านได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้นแล้ว
6. สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราวในกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล หรือขอคัดค้านของท่าน หรือกรณีอื่นใด ที่บริษัทหมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแต่ท่านขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลแทน
7. สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ทั้งนี้ หากท่านประสงค์จะขอแก้ไขข้อมูลเกี่ยวกับภาพ บริษัทจะทำการแก้ไขเฉพาะรายการข้อมูลที่เกี่ยวกับภาพของท่านเพื่อให้ถูกต้อง ตามความจำเป็นของบริษัทที่ชอบด้วยกฎหมายและในกรณีที่การดำเนินการตามคำขอก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายบริษัทอาจเรียกเก็บค่าใช้จ่ายดังกล่าวจากท่าน
7. วิธีการใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูล
7.1 การร้องขอใดๆ เพื่อการใช้สิทธิของท่านจะต้องกระทำเป็นลายลักษณ์อักษร หรือกรอกข้อมูลผ่านแบบฟอร์มคำขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บริษัทจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดที่จะดำเนินการภายในระยะเวลาที่สมเหตุสมผล และไม่เกินระยะเวลา 30 วัน นับแต่ได้รับคำร้อง อย่างไรก็ดี บริษัทมีเหตุในการปฏิเสธคำขอโดยชอบด้วยกฎหมาย หรือการปฏิบัติตาม หรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเป็นการปฏิเสธตามคำสั่งศาล หรือหากบริษัทดำเนินการตามคำขอของท่านจะส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น โดยบริษัทจะดำเนินการบันทึกการปฏิเสธคำร้องขอพร้อมด้วยเหตุผลไว้
7.2 บริษัทจะพยายามอย่างเต็มที่ตามความสามารถของระบบงานที่เกี่ยวข้องเพื่ออำนวยความสะดวกและดำเนินการตามคำร้องขอของท่าน เว้นแต่จะปรากฏข้อเท็จจริงว่า การดำเนินการตามคำร้องขอนั้นเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของผู้ใช้งานรายอื่น หรือเป็นการขัดต่อกฎหมาย หรือนโยบายความปลอดภัยของระบบ หรือกรณีที่เป็นการพ้นวิสัยในทางปฏิบัติตามคำร้องขอ เนื่องมาจากเหตุทางเทคนิค
7.3 ในบางสถานการณ์บริษัทอาจขอให้ท่านพิสูจน์ตัวตนของท่านก่อนการใช้สิทธิเพื่อความปลอดภัยของท่านเอง โดยบางครั้งอาจเกิดข้อจำกัดในการขอใช้สิทธิของท่านบางประการ ซึ่งบริษัทจะทำการชี้แจงให้ท่านทราบหากไม่สามารถปฏิบัติตามคำร้องขอใช้สิทธิของท่านได้
7.4 บริษัทจำเป็นต้องแจ้งให้ท่านทราบว่า การขอใช้สิทธิของท่านบางประการ อาจเกิดข้อจำกัด หากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นแก่บริษัท หรือใช้สิทธิ ขอให้ลบ ระงับการใช้ข้อมูล บริษัทอาจไม่สามารถจัดการ สิทธิประโยชน์ที่ท่านจะได้รับ ในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นข้อมูลที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อบริษัทในการปฏิบัติตามกฎหมาย และปฏิบัติตามสัญญา เช่น เพื่อการได้รับเงินตามสิทธิที่หน่วยงานราชการกำหนด และการรับเงินส่งเสริมด้านอ้อย
8. มาตรการการรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทกำหนดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม ทั้งในเชิงเทคนิค และการบริหารจัดการ เพื่อป้องกันมิให้ข้อมูลสูญหาย หรือมีการเข้าถึง ลบ ทำลาย ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่มีอำนาจหรือโดยขัดต่อกฎหมาย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายและวิธีปฏิบัติด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศของบริษัท และนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy)
นอกจากนี้ บริษัทได้กำหนดให้มีนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลขึ้นโดยประกาศให้ทราบกันโดยทั่วทั้งบริษัท พร้อมแนวทางปฏิบัติเพื่อให้เกิดความมั่นคงปลอดภัยในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยธำรงไว้ซึ่งความเป็นความลับ (Confidentiality) ความถูกต้องครบถ้วน (Integrity) และสภาพพร้อมใช้งาน (Availability) ของข้อมูลส่วนบุคคล โดยเราได้จัดให้มีการทบทวนนโยบายดังกล่าวรวมถึงประกาศนี้ในระยะเวลาตามที่เหมาะสม
9. การมีส่วนร่วมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลก็ต่อเมื่อได้รับคำร้องขอจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ผู้สืบสิทธิทายาท ผู้แทนโดยชอบธรรม ผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ตามกฎหมาย โดยส่งคำร้องขอแบบฟอร์มคำขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ตามช่องทางการติดต่อที่ระบุไว้ ในกรณีที่เจ้าของข้อมูล ผู้สืบสิทธิทายาท ผู้แทนโดยชอบธรรม ผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ตามกฎหมาย มีการคัดค้าน การจัดเก็บ ความถูกต้อง หรือการกระทำใด ๆ เช่น การแจ้งดำเนินการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะดำเนินการบันทึกหลักฐานคำคัดค้านดังกล่าวไว้เป็นหลักฐานด้วย ทั้งนี้บริษัทอาจปฏิเสธสิทธิได้ตามกรณีที่มีกฎหมายกำหนด หรือในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกทำให้ไม่ปรากฏชื่อหรือสิ่งบอกลักษณะอันสามารถระบุตัวท่านได้
10. การใช้คุกกี้
บริษัทมีการใช้คุกกี้เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่กำหนดไว้ตาม นโยบายการใช้คุกกี้
11. การร้องเรียน
ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อบริษัทผ่าน แบบฟอร์มคำขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
12. การแก้ไขเปลี่ยนแปลง
บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการแก้ไข ทบทวน และปรับปรุงประกาศความเป็นส่วนตัวที่จะมีผลบังคับใช้ ณ เวลาที่ได้เผยแพร่ต่อไปโดยมิต้องแจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ เพื่อความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพในการให้บริการ ดังนั้น บริษัทจึงขอแนะนำให้ท่านอ่านประกาศความเป็นส่วนตัวทุกครั้งที่เยี่ยมชม ติดต่องาน หรือใช้บริการจากบริษัท หรือเว็บไซต์ของบริษัท
13. ช่องทางการติดต่อบริษัท
กรณีที่เจ้าของข้อมูลมีข้อสงสัยใดๆ หรือต้องการใช้สิทธิตามที่กำหนดไว้ในนโยบายนี้ หรือสอบถามเพิ่มเติม ผ่านช่องทาง ดังนี้
13.1 ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller)
– บริษัท น้ำตาลนครเพชร จำกัด
สถานที่ติดต่อ : 408/144 อาคารพหลโยธินเพลส ชั้น 34
ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท
กรุงเทพมหานคร 10400
หมายเลขโทรศัพท์ : 02-619-0680-89
13.2 เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer : DPO)
– ผู้จัดการฝ่ายจัดหาวัตถุดิบ / ผู้จัดการฝ่ายส่งเสริมไร่
สถานที่ติดต่อ : 333 หมู่ 9 ตำบลเทพนคร
อำเภอเมืองกำแพงเพชร
จังหวัดกำแพงเพชร 62000
อีเมล : dpo.fr.nps@nkp.co.th
หมายเลขโทรศัพท์ : 055-702-011 ถึง 15